KK Group ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2558 โดยจำหน่ายสินค้าทางออนไลน์เท่านั้น และเมื่อปี 2562 ได้เปิดร้าน KKV ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกสินค้าที่เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ ต่อมาได้เปิดร้าน The Colorist ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกผลิตภัณฑ์ความงาม และไม่นานมานี้ ได้เปิดร้าน X11 ซึ่งจำหน่ายของเล่นและฟิกเกอร์ ด้วยความหลากหลายของสินค้าและราคาที่ไม่แพง ทำให้ร้านค้าในเครือ KK Group เป็นที่นิยมในกลุ่มผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ถึงแม้ว่าในช่วงปี 2563 ได้เกิดการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 แต่บริษัทยังคงประสบความสำเร็จและมีนักลงทุนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ทำให้ KK Group ได้รับการจัดอันดับให้เป็นยูนิคอร์นม้ามืดของจีนประจำปี ค.ศ. 2020
ปัจจุบัน ร้าน KKV มีมากกว่า 300 สาขาทั่วจีน โดยแต่ละสาขาจะมีขนาดใหญ่ถึง 1,000 ตร.ม. และนิยมเปิดในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ อีกทั้งเมื่อปี 2563 KKV ได้เปิดสาขาที่เซ็นทรัลพาร์ค ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ศูนย์การค้าชื่อดังในอินโดนีเซียและได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี ในขณะที่ร้าน The Colorist ซึ่งเปิดเมื่อปี 2562 ที่นครกว่างโจวและเมืองเซินเจิ้น ได้ขยายสาขาไปยังเมืองอื่น ๆ ทั่วจีน เช่น นครปักกิ่ง และนครฉางซา เป็นต้น โดยเมื่อปี 2563 มี 60 สาขาใน 20 เมืองในจีน
ธุรกิจค้าปลีกของ KK Group
โดยปรกติ บริษัทค้าปลีกมักดำเนินธุรกิจแบบแฟรนไชส์ซึ่งอาจทำให้ควบคุมแบรนด์ได้ยากและดำเนิน กลยุทธ์ทางธุรกิจได้ล่าช้า ขาดประสิทธิภาพและความสร้างสรรค์ เนื่องจากมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับหลายฝ่าย เมื่อปี 2561 KK Group จึงปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจด้วยการเลิกประกอบธุรกิจแบบแฟรนไชส์ และหันมา ดำเนินธุรกิจด้วยตนเองรวมทั้งให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจร่วมกับบริษัทอื่น (joint operationหรือ 聯營) ซึ่งเอื้อต่อการสร้างประสบการณ์แก่ลูกค้าและสร้างฐานลูกค้าประจำ โดยปัจจัยดังกล่าวมีส่วนสำคัญที่ทำให้บริษัทฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งเมื่อปี 2563 มียอดจำหน่ายสินค้าทางออนไลน์เพิ่มขึ้น 15 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
นอกจากนี้ ในช่วงการแพร่ระบาด คนทั่วไปรวมทั้งคน Gen Z ต้องอยู่บ้านมากขึ้น ทำให้ 「ทำกับข้าว ไม่เป็น」 และ 「อยากช็อปปิ้ง」 กลายเป็นประโยคฮิตของคนกลุ่มนี้ KK Group ก็ได้ปรับประเภทสินค้าให้ตอบสนองความต้องการเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายของผู้บริโภค โดยได้จัดหมวดหมู่สินค้า เช่น ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อ อาหารสำหรับทานคนเดียว เครื่องดื่มแอลกอฮอล์สำหรับดื่มคนเดียว และเครื่องสำอางที่เหมาะกับการแต่งหน้าเมื่อใส่หน้ากากอนามัย เป็นต้น ซึ่งเป็นการจัดประเภทสินค้าที่เข้าใจผู้บริโภคและช่วยดึงดูดความสนใจของลูกค้า อีกทั้งใช้การ Live เพื่อโปรโมตสินค้า ซึ่งวิธีการนำเสนอสินค้าของ KK Group สร้างความประหลาดใจและประสบการณ์แปลกใหม่แก่ผู้บริโภค ทำให้แบรนด์มีภาพลักษณ์ที่ดีและทันสมัย